วันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ไม่ทิ้งของเก่า "Samsung Galaxy S8" และ "Note 8" จะได้ใช้ One UI เหมือนกับมือถือรุ่นใหม่

ไม่ทิ้งของเก่า "Samsung Galaxy S8" และ "Note 8" จะได้ใช้ One UI เหมือนกับมือถือรุ่นใหม่


สำหรับข่าวนี้ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับคนที่ใช้ Samsung Galaxy Note 8  และ S8 อยู่แม้ว่าจะออกมาแล้ว 1 ปีก็ตาม เพราะนอกจาก Samsung จะมีการ ปล่อยอัปเดตระบบปฏิบัติการใหม่แล้ว UI แบบใหม่ก็ต้องได้ใช้ด้วย
998d4097ef8b834efa8be49f4d993
AdvertisementReplay Ad
โดยเว็บไซต์ Samsung ได้เผยว่า Galaxy S8, Note 8, Galaxy S9 และ Galaxy Note 9 จะได้ใช้ One UI เหมือนกัน และรวมไปถึงเรือธงรุ่นต่อๆ ไป เช่นกัน แต่ยังไม่ได้ระบุออกมาว่ารุ่นไหน ทั้งนี้ One UI ตอนนี้เปิดให้ทดลองใช้กับ Galaxy S9 และ Galaxy Note 9 เท่านั้น
ความโดดเด่นของ UI รุ่นใหม่คือความฟีเจอร์ที่ใช้งานง่ายและสามารถปรับแต่งได้ดีเช่นเดียวกันไว้ในที่เดียว พร้อมกับรองรับหน้าจอหลากหลายแบบรวมถึง มือถือพับได้เช่นเดียวกัน

วันศุกร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

มาแล้วๆ Samsung Galaxy A6 และ A6+ มือถือไร้กรอบบอดี้โลหะ

เปิดตัวแล้ว Samsung Galaxy A6 และ A6+ มือถือไร้กรอบบอดี้โลหะที่น่าจับตามอง

เปิดตัวแล้ว Samsung Galaxy A6 และ A6+ มือถือไร้กรอบบอดี้โลหะที่น่าจับตามอง เกี่ยวกับ samsung galaxy a6

S! Hitech (Rewrite)
สนับสนุนเนื้อหา
และแล้ว Samsung ได้เผยโฉม Galaxy A6 และ A6+ อย่างเป็นทางการแล้วหลังจากที่มีภาพและรายละเอียดตัวเครื่องออกมาอย่างต่อเนื่อง
a6
ซึ่งลักษณะของ Samsung Galaxy A6 และ A6+ จะคล้ายกับ Galaxy A8 และ A8+ กลาวคือใช้หน้าจอ SuperAMOLED แบบ Infinity Display ขนาด 5.6 และ 6 นิ้ว พร้อมด้านหลังเป็นแบบโลหะที่คล้ายกับ Samsung Galaxy J7 Pro
ความแตกต่างของ 2 รุ่นนี้มีความแตกต่างหลักๆ อยู่ที่สเปคเครื่อง ที่ Galaxy A6+ จะได้ CPU Octa Core 1.8GHz, เลนส์กล้องหลังคู่ ขนาด 16 + 5 ล้านพิกเซล, กล้องหน้า 24 ล้านพิกเซล 3500 mAh
แต่ถ้าเป็น Galaxy A6 จะได้ CPU Octa Core 1.6GHz, กล้องหน้าหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล และแบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh
ทั้งคู่รองรับ NFC และบริการ Samsung Pay ทั้งคู่ เห็นแบบนี้แล้วราคาของเครื่องยังไม่เผยออกมา แต่คาดว่าจะขายทั้งในเอเชีย, ลาตินอเมริกา, ยุโรป ช่วงต้นเดือน พฤษภาคม นี้

อ้างอิง https://www.sanook.com/hitech/1450837/

อะไรนะ iphone 6 จาก 3 ค่ายจัดโปรโมชั่นเหลือ 2,000 !

อัปเดตราคา iPhone 6 จาก 3 ค่ายล่าสุด! dtac, AIS และ TrueMove H เหลือเริ่มต้นที่ 2,000 บาทเท่านั้น

อัปเดตราคา iPhone 6 จาก 3 ค่ายล่าสุด! dtac, AIS และ TrueMove H เหลือเริ่มต้นที่ 2,000 บาทเท่านั้น เกี่ยวกับ อัปเดตราคา iphone 6

Techmoblog
สนับสนุนเนื้อหา
ถึงแม้ว่า iPhone 6 จะเปิดตัวมานานกว่า 3 ปีแล้ว แต่ก็ถือว่ายังคงเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะราคาที่ปรับลง รวมถึงยังรองรับการอัปเดตเป็น iOS 11 อีกด้วย และล่าสุด ทางผู้ให้บริการเครือข่าย 3 ค่ายในไทย ซึ่งได้แก่ dtac, AIS และ TrueMove H ก็มีโปรโมชั่น iPhone 6 ที่น่าสนใจด้วยเช่นกัน โดยเริ่มต้นแค่ 2,000 บาทเท่านั้น แต่จะมีเงื่อนไขอะไรบ้าง ทีมงาน techmoblog สรุปไว้ให้เรียบร้อยแล้ว รายละเอียดดังนี้

iPhone 6 จาก dtac เริ่มต้นที่ 2,000 บาท

img_1525080180_881525389e8d
-ราคาเครื่องเปล่า 11,500 บาท

-เหลือ 3,500 บาท เมื่อซื้อพร้อมแพ็กเกจเริ่มต้น 1,099 บาท + ชำระค่าบริการล่วงหน้า 5,000 บาท (รับคืนเป็นส่วนลดแพ็กเกจ 500 บาท นาน 10 เดือน)

-เหลือ 4,900 บาท เมื่อซื้อพร้อมแพ็กเกจเริ่มต้น 899 บาท + ชำระค่าบริการล่วงหน้า 4,000 บาท (รับคืนเป็นส่วนลดแพ็กเกจ 400 บาท นาน 10 เดือน)

-เหลือ 6,900 บาท เมื่อซื้อพร้อมแพ็กเกจเริ่มต้น 599 บาท + ชำระค่าบริการล่วงหน้า 2,000 บาท (รับคืนเป็นส่วนลดแพ็กเกจ 200 บาท นาน 10 เดือน)

-ลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิม รับส่วนลดเพิ่ม 1,500 บาท เหลือเริ่มต้นเพียง 2,000 บาท (แพ็กเกจ 1,099)

-ผ่อน 0% นานสูงสุด 24 เดือน

-ระยะสัญญา 12 เดือน

รายละเอียดเพิ่มเติม : www.dtac.co.th

 iPhone 6 จาก AIS เริ่มต้นที่ 2,900 บาท

img_1525080691_8184615195a3
-ราคาเครื่องเปล่า 11,900 บาท

-เหลือ 3,900 บาท เมื่อซื้อพร้อมแพ็กเกจเริ่มต้น 1,099 บาท + ชำระค่าบริการล่วงหน้า 4,500 บาท (รับคืนเป็นส่วนลดแพ็กเกจ 450 บาท นาน 10 เดือน)

-เหลือ 5,900 บาท เมื่อซื้อพร้อมแพ็กเกจเริ่มต้น 899 บาท + ชำระค่าบริการล่วงหน้า 4,000 บาท (รับคืนเป็นส่วนลดแพ็กเกจ 400 บาท นาน 10 เดือน)

-เหลือ 7,900 บาท เมื่อซื้อพร้อมแพ็กเกจเริ่มต้น 599 บาท + ชำระค่าบริการล่วงหน้า 2,000 บาท (รับคืนเป็นส่วนลดแพ็กเกจ 200 บาท นาน 10 เดือน)

-ลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิม รับส่วนลดเพิ่ม 1,000 บาท เหลือเริ่มต้นเพียง 2,900 บาท (แพ็กเกจ 1,099)

-ผ่อน 0% นานสูงสุด 6-10 เดือน

-ระยะสัญญา 12 เดือน

รายละเอียดเพิ่มเติม : www.ais.co.th

 iPhone 6 จาก TrueMove H เริ่มต้นที่ 2,900 บาท

img_1525081071_315205315600

img_1525081071_3457407799ba


-ราคาเครื่องเปล่า 11,900 บาท

-เหลือ 3,900 บาท เมื่อซื้อพร้อมแพ็กเกจเริ่มต้น 1,099 บาท + ชำระค่าบริการล่วงหน้า 5,000 บาท (รับคืนเป็นส่วนลดแพ็กเกจ 450 บาท นาน 10 เดือน)

-เหลือ 5,900 บาท เมื่อซื้อพร้อมแพ็กเกจเริ่มต้น 899 บาท + ชำระค่าบริการล่วงหน้า 4,000 บาท (รับคืนเป็นส่วนลดแพ็กเกจ 400 บาท นาน 10 เดือน)

-เหลือ 7,900 บาท เมื่อซื้อพร้อมแพ็กเกจเริ่มต้น 699 บาท + ชำระค่าบริการล่วงหน้า 2,000 บาท (รับคืนเป็นส่วนลดแพ็กเกจ 200 บาท นาน 10 เดือน)

-ลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิม รับส่วนลดเพิ่ม 1,000 บาท เหลือเริ่มต้นเพียง 2,900 บาท (แพ็กเกจ 1,099)

-ระยะสัญญา 12 เดือน

รายละเอียดเพิ่มเติม : TrueMove H

วันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2561

เปรียบเทียบสเปก iPad 9.7 นิ้ว 2018 กับ iPad Pro 10.5 นิ้ว 2017

เปรียบเทียบสเปก iPad 9.7 นิ้ว 2018 กับ iPad Pro 10.5 นิ้ว 2017

สำหรับใครที่กำลังจะตัดสินใจซื้อ iPad รุ่นที่รองรับ Apple Pencil ได้ วันนี้ทีมงานมีการเปรียบเทียบสเปกของ iPad 9.7 นิ้ว 2018 กับ iPad Pro 10.5 นิ้ว 2017 มาให้ชมกันค่ะ

เปรียบเทียบสเปก iPad 9.7 นิ้ว 2018 กับ iPad Pro 10.5 2017 นิ้ว
Compare Ipad 9
iPad 9.7 นิ้ว 2018 รุ่นใหม่ ได้เปิดตัวไม่กี่วันที่ผ่านมา เป็น iPad ที่เน้นในด้านการใช้งานเพื่อสนับสนุนการศึกษา ซึ่งสเปกและฟีเจอร์เป็นที่น่าสนใจของใครหลายคน โดยเฉพาะราคาที่น่าคบหาเป็นอย่างยิ่ง แต่สำหรับบางคนที่ยังลังเลว่าจะขยับไป iPad Pro เลยหรือว่าจะรอซื้อ iPad 9.7 นิ้ว ก็ลองชมสเปกและราคาของทั้ง 2 รุ่นนี้ดูก่อนนะคะ
หน้าจอ
iPad Pro 10.5 นิ้ว : จอภาพ Retina ขนาดหน้าจอ 10.5 นิ้ว (แนวทแยง) ความละเอียด 2224 x 1668 พิกเซล มีเทคโนโลยี ProMotion ที่ช่วยแสดงภาพให้ไหลลื่น และการแสดงผลแบบ True Tone จอภาพแบบ Full Lamination เคลือบสารกันแสงสะท้อน จอภาพขอบเขตสีกว้าง (P3)
iPad 9.7 นิ้ว 2018 : จอภาพ Retina ที่มีความละเอียด 2048 x 1536 พิกเซล
ประสิทธิภาพ (RAM, ชิพประมวลผล)
iPad Pro 10.5 นิ้ว: ชิพประมวล A10x Fusion, RAM 4GB โปรเซสเซอร์ร่วม M10 ในตัว
iPad 9.7 นิ้ว 2018 : ชิพประมวล A10 Fusion, RAM 2GB โปรเซสเซอร์ร่วม M10 ในตัว
ความจุ
iPad Pro 10.5 นิ้ว : 64GB, 256GB และ 512GB
iPad 9.7 นิ้ว 2018 : 32GB และ 128GB
กล้องหลัง
iPad Pro 10.5 นิ้ว : กล้องหลัง 1 ตัว ความละเอียด 12 MP รูรับแสง f/1.8 มีคุณสมบัติ Live Photos พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว แฟลช Trutone บันทึกวิดีโอระดับ 4K
iPad 9.7 นิ้ว 2018 : กล้องหลัง 1 ตัว ความละเอียด 8 MP รูรับแสง f/2.4 มีคุณสมบัติ Live Photos บันทึกวิดีโอระดับ HD 1080p
กล้องหน้า
iPad Pro 10.5 นิ้ว : ความละเอียด 7 MP มีคุณสมบัติ Live Photos บันทึกวิดีโอระดับ HD 1080p
iPad 9.7 นิ้ว 2018 : ความละเอียด 1.2 MP มีคุณสมบัติ Live Photos บันทึกวิดีโอระดับ HD 720p
เสียง
iPad Pro 10.5 นิ้ว : ระบบเสียง 4 ลำโพง
iPad 9.7 นิ้ว 2018 : ระบบเสียง 2 ลำโพง
แบตเตอรี่และการชาร์จ
iPad Pro 10.5 นิ้ว : ความจุ 8134 mAh, ชาร์จจากเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออะแดปเตอร์แปลงไฟผ่านสาย USB
iPad 9.7 นิ้ว 2018 : ความจุประมาณ 8830 mAh (ยังไม่ยืนยัน), ชาร์จจากเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออะแดปเตอร์แปลงไฟผ่านสาย USB
การรองรับอุปกรณ์เสริม
iPad Pro 10.5 นิ้ว : รองรับ Apple Pencil และ Smart Keyboard
iPad 9.7 นิ้ว 2018 : รองรับ Apple Pencil แต่ไม่รองรับ Smart Keyboard (แต่สามารถเชื่อมต่อคีย์บอร์ดบลูทูธจากค่ายอื่นได้)
การเชื่อมต่อ
iPad Pro 10.5 นิ้ว : Lightning และ Smart Connector
iPad 9.7 นิ้ว 2018 : Lightning
สี
iPad Pro 10.5 นิ้ว : มี 4 สี ประกอบด้วย สีเงิน สีเทาสเปซเกรย์ สีทอง และสีโรสโกลด์
iPad 9.7 นิ้ว 2018 : มี 3 สี ประกอบด้วย สีเงิน สีเทาสเปซเกรย์ และสีทอง (ทองแบบขอบอะลูมิเนียม iPhone 8)
ราคา
iPad Pro 10.5 นิ้ว 2017
-64GB รุ่น Wi-Fi ราคา 24,500 บาท, รุ่น Cellular ราคา 29,500 บาท
-256GB รุ่น Wi-Fi ราคา 29,900 บาท, รุ่น Cellular ราคา 34,900 บาท
-512GB รุ่น Wi-Fi ราคา 37,100 บาท, รุ่น Cellular ราคา 42,100 บาท
iPad 9.7 นิ้ว 2018
-32GB รุ่น Wi-Fi ราคา 11,500 บาท, รุ่น Cellular ราคา 16,500 บาท
-128GB รุ่น Wi-Fi ราคา 14,900 บาท, รุ่น Cellular ราคา 19,900 บาท

**ข้อมูลบางจุดยังไม่มีการยืนยัน 100% ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง
ทั้งหมดนี้ก็เป็น iPad 9.7 นิ้ว 2018 กับ iPad Pro 10.5 นิ้ว 2017 ซึ่งรองรับ Apple Pencil ทั้งคู่ แต่ยังมีบางฟีเจอร์ที่ iPad Pro 10.5 นิ้ว เหนือกว่า และสเปกแรงกว่า สำหรับใครที่ไม่ได้ใช้งานถึงระดับโปร แนะนำว่า iPad 9.7 นิ้ว ก็ยังเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ามากกว่า แต่ใครที่ต้องใช้งานกราฟฟิคขั้นสูง ก็แนะนำให้ขยับไปที่ iPad Pro เลย เพราะมีฟีเจอร์ที่รองรับงานด้านนี้สูง
ข้อมูล :www.iphonemod.net
ที่มา https://www.sanook.com/hitech/1448465/

วันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2561

Apple Park อัปเดทล่าสุด ประจำเดือน (กุมภาพันธ์ 2018)

พาชม Apple Park อัปเดทล่าสุด ประจำเดือน (กุมภาพันธ์ 2018)กลับมาอีกครั้งกับการอัปเดทการสร้าง Apple Park สำนักงานใหม่ของ Apple ประจำเดือน กุมภาพันธ์ 2018 ส่วนของเดือนมีนาคม ยังไม่มีคนส่งโดรนขึ้นไปส่อง เอาเป็นว่าหากมีการอัปเดทเพิ่มเติม ทางทีมงาน Sanook!  Hitech จะนำมาอัปเดทกันอีกรอบ
Apple Park หรือสำนักงานแห่งใหม่ของแอปเปิลตั้ง ณ เมืองคูเปอร์ติโน รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
1
โดยภาพล่าสุดเป็นการขึ้นไปสำรวจของ Matthew Roberts ที่ได้นำ Drone ขึ้นไปภาพวิวรอบๆ ยานแม่ของแอปเปิล จากภาพที่นำออกมาเสนอ ทำให้เราได้เห็นว่า Apple Park ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว
ดเด่นของ Apple Park แห่งนี้เมื่อสร้างเสร็จมันกลายเป็นอาคารที่ “ใช้พลังงานสะอาด 100% ที่ใหญ่ที่สุดในโลก” ด้วยพื้นที่กว่าทั้งหมดกว่า 438 ไร่มีต้นไม้มากกว่า 9,000 ต้นและตัวอาคารนั้นมีกระจกโค้งที่ใหญ่ที่สุดในโลกและสามารถรองรับพนักงานได้กว่า 12,000 คน
หากใครได้ดูงานเปิดตัวสินค้าใหม่ของ Apple ไปเมื่อปลายปีที่แล้ว คงจะได้เห็นในส่วนของ Steve Jobs Theater ซึ่งเป็นสถานที่เปิดตัว iPhone X อย่างเป็นทางการและพร้อมทั้งเปิดทำการ Visitor Center ให้ได้เห็นด้วยเช่นกัน
37-apple-park
ทำให้ตอนนี้ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว (Visitor’s Center) ที่  สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของ Apple ถือว่ามันจะเป็นอีกหนึ่ง Landmark ใหม่ที่นักท่องเที่ยวอยากเข้าไปศึกษาเยี่ยมชม
เวลาเปิดให้บริการของ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว (Visitor’s Center) 
  • วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 9.00 น. – 19.00 น.
  • วันเสาร์ เวลา 10.00 น. – 18.00 น.
  • วันอาทิตย์ เวลา 11.00 น. – 18.00 น.
สำหรับใครที่อยากงานพรีวิวก็สามารถอ่านกันได้ที่นี่ พาชม ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ที่สำนักงานใหญ่ Apple Park
ส่วนกำหนดการก่อนสร้างนั้นคาดว่าสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของ Apple จะเสร็จภายในปี 2018 นี้

ลาก่อน LINE Cookie Run ที่รัก ล่าสุดประกาศยุติการให้บริการแล้ว

ลาก่อน LINE Cookie Run ที่รัก ล่าสุดประกาศยุติการให้บริการแล้ว

ลาก่อน LINE Cookie Run ที่รัก ล่าสุดประกาศยุติการให้บริการแล้ว เกี่ยวกับ ปิดให้บริการ line cookie run

S! Hitech
สนับสนุนเนื้อหา
LINE Cookie Run อีกหนึ่งเกมส์ยอดนิยมแห่งยุคที่หลายๆ คนคงโหลดมาเล่นและรู้จักกันเป็นอย่างดี  ได้ออกมาประกาศหยุดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว! 
[ประกาศ] ถึงเหล่าคุ้กกี้ทุกท่าน 

ตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้บริการ จนมาถึงวันนี้ ช่วงเวลาที่ได้ออกวิ่งตะลุยไปกับทุกๆ คนใน LINE Cookie Run คือความสนุกสนาน และความทรงจำที่ยอดเยี่ยมที่สุด ทว่าในวันนี้ ทีมงานมีความเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ต้องแจ้งให้ทุกท่านทราบว่า การวิ่งของพวกเราได้ดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว โดย LINE Cookie Run มีความจำเป็นต้องประกาศยุติการให้บริการเกมและระบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีกำหนดการดังนี้ 

18 เม.ย. (13:00 น.) ปิดการให้ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น 

18 เม.ย. (13:00 น.) ปิดการขายไอเท็มประเภทชำระเงิน 

5 มิ.ย. (13:00 น.) ปิดให้บริการเกม 

31 ต.ค. ปิดระบบให้บริการลูกค้า

ทีมงานขอขอบคุณนักวิ่งทุกท่านที่ได้ให้การสนับสนุน และเข้ามาร่วมกันสร้างประสบการณ์ดีๆ ด้วยกันมาโดยตลอด ทว่าไม่มีงานเลี้ยงใดที่ไม่มีวันเลิกรา และต้องขอตัดใจกล่าวอำลากับทุกท่านด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง TT_TT

อัปเดทราคา iPhone 6s จากผู้ให้บริการทั้ง 3 ค่ายประจำเดือนมีนาคม เริ่มต้นที่ 9,900 บาท

อัปเดทราคา iPhone 6s จากผู้ให้บริการทั้ง 3 ค่ายประจำเดือนมีนาคม เริ่มต้นที่ 9,900 บาท

อัปเดทราคา iPhone 6s จากผู้ให้บริการทั้ง 3 ค่ายประจำเดือนมีนาคม เริ่มต้นที่ 9,900 บาท เกี่ยวกับ ราคาไอโฟนประจำเดือน

S! Hitech
สนับสนุนเนื้อหา
มาอัปเดทราคา iPhone กันหน่อยกับผู้ให้บริการทั้ง 3 รายสำคัญในประเทศไทย ครั้งนี้ทีม Sanook! Hitech ได้นำมือถืออย่าง iPhone 6s และ iPhone 6s Plus มาสรุปราคาและดูโปรโมชั่นว่าแต่ละค่ายจะมีราคาอย่างไร มาดูกัน
AIS
เริ่มกับค่ายแรก AIS กับโปรโมชั่น Hot Deal ที่นอกจากได้เครื่องราคาถูกแล้วยังมีโปรโมชั่นเด็ดที่น่าสนใจ มาดูกันว่าจะเป็นอย่างไร
iPhone 6s Plus 32GB ราคาเครื่องเปล่า 17,500 บาท
-ซื้อพร้อมโปรโมชั่น 1,099 พร้อมชำระค่าบริการล่วงหน้า 3,000 บาท สามารถซื้อเครื่องได้ในราคา 11,500 บาท
-ซื้อพร้อมโปรโมชั่น 899 พร้อมชำระค่าบริการล่วงหน้า 2,000 บาท สามารถซื้อเครื่องได้ในราคา 12,500 บาท
-ซื้อพร้อมโปรโมชั่น 599 พร้อมชำระค่าบริการล่วงหน้า 1,000 บาท สามารถซื้อเครื่องได้ในราคา 14,000 บาท

dtac

ค่ายต่อมา dtac ถึงแม้ว่าตัวเลือกในการซื้อ iPhone 6s และ iPhone 6s Plus จะมีเพียงแค่ รุ่นเดียวแต่ก็น่าสนใจ มาดูว่าราคาเป็นอย่างไร
iPhone 6s Plus 32GB ราคาเครื่องเปล่า 22,500 บาท
-ซื้อพร้อมโปรโมชั่น 599 พร้อมชำระค่าบริการรายเดือนล่วงหน้า 2,000 บาท สามารถซื้อเครื่องได้ในราคา 14,000 บาท
-ซื้อพร้อมโปรโมชั่น 899 พร้อมชำระค่าบริการรายเดือนล่วงหน้า 3,000 บาท สามารถซื้อเครื่องได้ในราคา 12,500 บาท
-ซื้อพร้อมโปรโมชั่น 1,099 พร้อมชำระค่าบริการรายเดือนล่วงหน้า 4,000 บาท สามารถซื้อเครื่องได้ในราคา 11,500 บาท
หมายเหตุ ย้ายค่ายเบอร์เดิมลดเพิ่ม 1,500 บาท

Truemove H

สำหรับผู้ให้บริการรายสุดท้ายที่พูดถึงคือ Truemove H นั่นเอง โดยสามารถซื้อ iPhone 6s ได้ในราคาถูกสุดที่ 9,900 บาท ถือว่าน่าสนใจ โดยรายละเอียดแต่ละรุ่นจะเป็นอย่างไรมาดูกัน
iPhone 6s 32GB ราคาเครื่องเปล่า 18,700 บาท
-สมัครโปรโมชั่น 4G+ Fun Unlimited 1,099 บาท ขึ้นไป พร้อมชำระค่าบริการรายเดือน 4,000 บาท สามารถซื้อเครื่องได้ในราคา 10,900 บาท
-สมัครโปรโมชั่น 4G+ Fun Unlimited 899 บาท ขึ้นไป พร้อมชำระค่าบริการรายเดือน 3,000 บาท สามารถซื้อเครื่องได้ในราคา 12,900 บาท
-สมัครโปรโมชั่น 4G+ Fun Unlimited 599 - 699 บาท พร้อมชำระค่าบริการรายเดือน 2,000 บาท สามารถซื้อเครื่องได้ในราคา 15,300 บาท
iPhone 6s 128GB ราคาเครื่องเปล่า 22,800 บาท
-สมัครโปรโมชั่น 4G+ Fun Unlimited 1,099 บาท ขึ้นไป พร้อมชำระค่าบริการรายเดือน 4,000 บาท สามารถซื้อเครื่องได้ในราคา 15,000 บาท
-สมัครโปรโมชั่น 4G+ Fun Unlimited 899 บาท ขึ้นไป พร้อมชำระค่าบริการรายเดือน 3,000 บาท สามารถซื้อเครื่องได้ในราคา 14,000 บาท
-สมัครโปรโมชั่น 4G+ Fun Unlimited 599 - 699 บาท พร้อมชำระค่าบริการรายเดือน 2,000 บาท สามารถซื้อเครื่องได้ในราคา 19,400 บาท
iPhone 6s Plus 32GB ราคาเครื่องเปล่า 22,800 บาท
-สมัครโปรโมชั่น 4G+ Fun Unlimited 1,099 บาท ขึ้นไป พร้อมชำระค่าบริการรายเดือน 4,000 บาท สามารถซื้อเครื่องได้ในราคา 11,500 บาท
-สมัครโปรโมชั่น 4G+ Fun Unlimited 899 บาท ขึ้นไป พร้อมชำระค่าบริการรายเดือน 3,000 บาท สามารถซื้อเครื่องได้ในราคา 12,500 บาท
-สมัครโปรโมชั่น 4G+ Fun Unlimited 599 - 699 บาท พร้อมชำระค่าบริการรายเดือน 2,000 บาท สามารถซื้อเครื่องได้ในราคา 14,000 บาท
iPhone 6s Plus 128GB ราคาเครื่องเปล่า 27,000 บาท
-สมัครโปรโมชั่น 4G+ Fun Unlimited 1,099 บาท ขึ้นไป พร้อมชำระค่าบริการรายเดือน 4,000 บาท สามารถซื้อเครื่องได้ในราคา 17,200 บาท
-สมัครโปรโมชั่น 4G+ Fun Unlimited 899 บาท ขึ้นไป พร้อมชำระค่าบริการรายเดือน 3,000 บาท สามารถซื้อเครื่องได้ในราคา 19,200 บาท
-สมัครโปรโมชั่น 4G+ Fun Unlimited 599 - 699 บาท พร้อมชำระค่าบริการรายเดือน 2,000 บาท สามารถซื้อเครื่องได้ในราคา 21,600 บาท
หมายเหตุ ย้ายค่ายเบอร์เดิมรับส่วนลดเพิ่ม 1,000 บาท
นอกจากนี้ Apple Online Store ยังมีจำหน่ายเครื่องเปล่าของ iPhone 6s, iPhone 6s Plus ซึ่งมีราคาดังนี้
-iPhone 6s 32GB = 18,500 บาท
-iPhone 6s 128GB = 22,500 บาท
-iPhone 6s Plus 32G = 22,500 บาท
-iPhone 6s Plus 128GB = 26,500 บาท

อัปเดทราคา iPhone 5s และ iPhone SE จากผู้ให้บริการทั้ง 3 ค่ายประจำเดือนมีนาคม เริ่มต้นที่ 2,900 บาท

อัปเดทราคา iPhone 5s และ iPhone SE จากผู้ให้บริการทั้ง 3 ค่ายประจำเดือนมีนาคม เริ่มต้นที่ 2,900 บาท

อัปเดทราคา iPhone 5s และ iPhone SE จากผู้ให้บริการทั้ง 3 ค่ายประจำเดือนมีนาคม เริ่มต้นที่ 2,900 บาท เกี่ยวกับ iphone se

S! Hitech
สนับสนุนเนื้อหา
สำหรับคนที่อยากเริ่มต้นกับ iPhone จนเรียกว่า หาเครื่องกันยกใหญ่แล้วตอนนี้ก็มีคงจะคิดถึง iPhone SE หรือบางคนก็คิดไปถึง iPhone 5s เลยก็ว่าได้ ทีม Sanoook! Hitech เลยจะมาสรุปโปรโมชั่นมือถือจิ๋ว 2 รุ่นนี้ ซึ่งมีจำหน่ายอยู่แค่ 2 ผู้ให้บริการ และ Apple Online Store ให้ได้อ่านกัน รายละเอียดก็มีดังนี้

AIS

iPhone 5s 16GB ราคา 9,900 บาท
-ซื้อพร้อมแพ็กเกจ 499 พร้อมชำระค่าบริการล่วงหน้า 3,000 บาท สามารถซื้อเครื่องได้ในราคา 5,900 บาท
iPhone SE 32GB ราคา 11,500 บาท
-ซื้อพร้อมแพ็กเกจ 499 พร้อมชำระค่าบริการล่วงหน้า 2,000 บาท สามารถซื้อเครื่องได้ในราคา 3,900 บาท

Truemove H

iPhone SE ความจุ 32GB ราคาเครื่องเปล่า 14,500 บาท
-ซื้อพร้อมโปรโมชั่น 4G Fun Limited 899 ขึ้นไป พร้อมชำระค่าบริการล่วงหน้า 5,000 บาท สามารถซื้อเครื่องได้ในราคา 3,900 บาท
    -ซื้อพร้อมโปรโมชั่น 4G Fun Limited 699 พร้อมชำระค่าบริการล่วงหน้า 4,000 บาท สามารถซื้อเครื่องได้ในราคา 4,900 บาท
      -ซื้อพร้อมโปรโมชั่น 4G Fun Limited 499 พร้อมชำระค่าบริการล่วงหน้า 3,000 บาท สามารถซื้อเครื่องได้ในราคา 7,900 บาท
      iPhone SE ความจุ 128GB ราคาเครื่องเปล่า 18,500 บาท
        -ซื้อพร้อมโปรโมชั่น 4G Fun Limited 899 ขึ้นไป พร้อมชำระค่าบริการล่วงหน้า 5,000 บาท สามารถซื้อเครื่องได้ในราคา 8,000 บาท
          -ซื้อพร้อมโปรโมชั่น 4G Fun Limited 699 พร้อมชำระค่าบริการล่วงหน้า 4,000 บาท สามารถซื้อเครื่องได้ในราคา 10,000 บาท
            -ซื้อพร้อมโปรโมชั่น 4G Fun Limited 499 พร้อมชำระค่าบริการล่วงหน้า 3,000 บาท สามารถซื้อเครื่องได้ในราคา 12,00 บาท

            หมายเหตุ ย้ายค่ายเบอร์เดิม ลดเพิ่ม 1,000 บาท จะทำให้ iPhone SE มีราคาถูกสุดที่ 2,900 บาท

            Apple Online Store

            ยังคงเป็นราคากลางอยู่ได้แก่
            -iPhone SE 32GB ราคา 14,500 บาท
            -iPhone SE 128GB ราคา 18,500 บาท
            ทั้งนี้ดีแทคเป็นค่ายเดียวที่ไม่ทำตลาด iPhone SE แล้วแต่ก็มีรุ่นอื่นให้เลือกอยู่ครับ สุดท้ายเมื่อเห็นราคาแบบนี้ก็ถือว่าถูกดี แต่คุ้มค่าไหมสำหรับการเลือก iPhone SE ที่มีบอดี้และหน้าจอแบบเดียวกับ iPhone 5s แต่สเปค iPhone 6s ก็ลองเล่นเครื่องตัวอย่างที่ตัวแทนจำหน่าย
            สำหรับทีม Sanook! Hitech มองว่า ถ้าไม่คิดอะไรกับสเปคที่ด้อยเกือบ 2 ปี และได้ขนาดเครื่องที่เล็กและใช้งานได้ถนัดมือสำหรับคนที่ชอบ iPhone เล็ก รุ่นนี้คือคำตอบครับ

            วันอาทิตย์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

            รู้จัก NVIDIA GeForce MX150 การ์ดจอรุ่นเล็กเล่นเกมได้เฉย พร้อมติดตั้งมาในโน้ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ แล้ว

            ตอนนี้บ้านเราการ์ดจอโน้ตบุ๊คค่ายเขียวครองตลาดอย่างมากแบบที่ค่ายแดงแทบจะไม่มีที่ยืนให้เลย เพราะนอกจากออนบอร์ดของ intel แล้ว ก็จะข้ามมาเป็น 940MX ที่พอเล่นเกมออนไลด์ได้ หรือไม่ก็ข้ามไปเป็นการ์ดจอเล่นเกมอย่าง GTX 1050 เลย แต่ก็มีข้อเสียใหญ่คือเรื่องของขนาดเครื่องที่ GTX 1050 จะเป็นโน้ตบุ๊ค 15 นิ้ว ขึ้นไปเลย
            ทำให้ผู้ที่ต้องการโน้ตบุ๊คบางเบา หรือโน้ตบุ๊คที่มีขนาดเล็กกว่าต้องทนใช้การ์ดจอออนบอร์ดหรือ 940MX ไปซึ่งมันก็พอเล่นเกมได้ ไม่ร้อนมาก แต่เทคโนโลยีเก่าไปสักหน่อย ซึ่ง NVIDIA เองก็รู้ถึงจุดอ่อนจุดนี้ดีจึงได้พัฒนาการ์ดจอสำหรับโน้ตบุ๊คขนาดเล็กแต่อยากได้การ์ดจอแรงๆขึ้นสักหน่อยจนกลายมาเป็น NVIDIA GeForce MX150
            NVIDIA GeForce MX150 ถือเป็นการ์ดจอที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่เช่นเดียวกับ GTX 10-series ด้วยสถาปัตยกรรม Pascal เหมือนกัน เพราะฉะนั้นมาพร้อมความแรงและประหยัดพลังงานมากกว่าเดิมแน่นอน มาพร้อมความเร็วคล๊อคอยู่ที่ราวๆ 1,000 MHz โดยจะมีหน่วยความจำอยู่แค่ 2GB แบบ DDR5 ซึ่งจะต่างจากรุ่น 940MX ที่จะมีรุ่นแรม 4GB ด้วย
            โดย NVIDIA ว่างเป้าหมายของเจ้า GeForce MX150 ไว้เจาะตลาดกลุ่มโน้ตบุ๊คที่มาพร้อมการ์ดจอออนบอร์ด เพราะว่าเพิ่มเงินอีกนิดก็ได้การ์ดจอแยกที่เล่นเกมได้ดีกว่าแล้ว ไปจนถึงกลุ่มโน้ตบุ๊คระดับไฮเอนที่เน้นความบางเบาสวยงามพร้อมติดตั้งการ์ดจอแยกอย่าง MX150 เพื่อการใช้งานที่ดียิ่งขึ้น แม้ดูตลาดอาจจะทับกับ 940MX แต่ดูกันจริงๆแล้ว MX150 จะเข้ามาเสริมตลาดของ NVIDIA ในจุดที่ว่างอยู่โดยจะยังคง 940MX ไว้อยู่ สำหรับกลุ่มโน้ตบุ๊คราคาประหยัดที่ต้องการการ์ดจอแยกสำหรับใช้งานทั่วไปหรือเล่นเกมเบาๆ
            ในส่วนของประสิทธิภาพนั้น GeForce MX150 มีประสิทธิภาพอยู่ในระดับที่เล่นเกมต่างๆในปะจจุบันได้อยู่ โดยเฉพาะฝั่งเกมออนไลด์ แต่ถ้าเป็นเกมที่ใช้งานกราฟิกหนักๆเช่น BF1 อยู่ในระดับแค่พอเล่นได้ ซึ่งถ้าอย่างจะเล่นให้ลื่นจริงจังคงต้องปรับลดความละเอียดของภาพลงจะดีกว่า และอีกปัญหาหนึ่งคือถ้าเป็นเครื่องที่บางเบามากๆอย่าง Envy 13 นั้น เมื่อทำงานหนักๆการ์ดจอแผ่ความร้อนออกมาสูงทำให้เครื่องร้อนอย่างมาก แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ใช้งานได้โดยไม่มีอาการค้างหรือดับ
            ถ้าวัดกันกับการ์ดจอรุ่นอื่นแล้ว GeForce MX150 นั้นให้ประสิทธิภาพที่อยู่ระหว่าง 940MX กับ GTX 950M เท่านั้น ซึ่งแรงกว่า 940MX อยู่ราวๆ 20% แต่ยังตามหลัง GTX 1050 อยู่ถึงกว่า 40% โดยเฉพาะเกมที่ใช้การฟิกหนักๆ บางตัว GTX 1050 ดีกว่าเท่าตัวเลยทีเดียว ส่วนนึงมองว่าเพราะแรมที่น้อยกว่าด้วย แต่ก็แลกมาด้วยการใช้พลังงานที่น้อยกว่า และความร้อนที่น้อยกว่าทำให้สามารถติดตั้งได้บนเครื่องที่บางเบาเป็นพิเศษได้
            NVIDIA GeForce MX150 แม้จะเป็นการ์ดจอที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ แต่ก็ไม่ได้ให้ประสิทธิภาพที่แรงมากเมื่อเทียบกับรุ่นพี่ แต่ก็เป็นอีกหนึ่งการ์ดจอสำหรับโน้ตบุ๊คที่เข้ามาเติมเต็มช่องว่างของตัวเองได้อย่างลงตัว สำหรับผู้ที่ต้องการโน้ตบุ๊คบางเบา หรือราคาประหยัด แต่ก็ต้องการการ์ดจอที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเผื่อสำหรับการเล่นเกมด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในท้องตลาดที่น่าสนใจ ดีกว่าออนบอร์ดเยอะ ดีกว่า 940MX แต่ก็ยังตาม GTX 1050 อีกไกล

            แนะนำโน๊ตบุ๊ค 2018 สายบางเบาพกพาสะดวก แต่สเปกแรงและคุ้มราคา

            แนะนำโน๊ตบุ๊ค 2018 สายบางเบาพกพาสะดวก แต่สเปกแรงและคุ้มราคา

            แนะนำโน๊ตบุ๊ค 2018 สายบางเบาพกพาสะดวก แต่สเปกแรงและคุ้มราคา

            Arip
            สนับสนุนเนื้อหา
            หลังมีโน๊ตบุ๊คเปิดตัวใหม่หลายรุ่นในปี 2018 ก็ตามธรรมเนียม Buyer Guide บทความแนะนำสินค้าไอทีประจำเว็บ รอบนี้มาดู 8 โน๊ตบุ๊ครุ่นบางแต่สเปกดี และราคาน่าสอยของปีนี้กันครับ
            อยากได้โน๊ตบุ๊คดี ๆ ที่พกพาง่าย ก็คงเจอคำแนะนำให้ซื้อ Ultrabook ไปเลย ที่ทั้งบางเบาและสเปกแรง แต่ราคากระโดดไปไกลเหลือหลาย แต่ใช่ว่าจะไม่มีรุ่นราคาไม่เกินเอื้อมซะทีเดียว ในที่นี้ก็ขอแนะนำโน๊ตบุ๊ค 2018 ทั้ง 8 รุ่น จาก 7 แบรนด์ ที่มาพร้อมซีพียู Intel Gen 8th ทั้งหมด (เป็นรุ่น Intel Core i5-8250U ซะส่วนใหญ่) และความบางเบากำลังดี ส่วนจะมีรุ่นอะไรบ้างมาดูกันเลย
            ASUS VivoBook S14 S410UN
            untitled-2เริ่มกันที่ VivoBook โน๊ตบุ๊คบางเบาราคาประหยัดจาก Asus ซึ่งเปิดตัวตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว มาปีนี้ก็อัพเกรดซีพียูใหม่เป็น Intel Gen 8th ในรุ่น Intel Core i5-8250U และมาพร้อมการ์ดจอแยกรุ่นใหม่อย่าง NVIDIA GeForce MX150 ด้วย ส่วนตัวเครื่องก็มีทั้งหน้าจอ Anti-Glare ไม่สะท้อนแสง เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบน Touchpad กล้อง Windows Hello ปลดล็อกเครื่องด้วยใบหน้าได้ และน้ำหนักเครื่องเพียง 1.43 กิโลกรัมเท่านั้น
            สเปก ASUS VivoBook S14 S410UN
            Display : 14 นิ้ว Anti-Glare ความละเอียด Full HD
            CPU : Intel Core i5-8250U
            VGA : NVIDIA GeForce MX150 2GB GDDR5
            Ram : 8GB DDR4
            SSD : 256GB
            OS : Windows 10 Home
            ราคา 25,900 บาท
            Acer Swift 3 SF314-52G
            untitled-3หลังเคยสร้างความฮือฮาในวงการ Ultrabook ปีที่แล้ว เมื่อทาง Acer เปิดตัวโน๊ตบุ๊คซีรีส์ใหม่อย่าง Swift 3 ที่มาพร้อมสเปก ความบางเบา และวัสดุระดับเดียวกับ Ultrabook ตัวแพง ๆ กันเลย แต่ราคาถูกกว่ากันถึงครึ่ง !! มาปีนี้ก็อัพเกรดซีพียูใหม่เป็น Intel Gen 8th เช่นเดียวกัน แต่มีการปรับดีไซน์เครื่องเล็กน้อย ด้วยการเพิ่มขอบเงิน และสีเครื่องใหม่อย่างสีน้ำเงินเข้ามาด้วย ส่วนน้ำหนักก็อยู่ที่ 1.5 กิโลกรัม
            สเปก Acer Swift 3 SF314-52G
            Display : 14 นิ้ว IPS ความละเอียด Full HD
            CPU : Intel Core i5-8250U
            VGA : NVDIA GeForce MX150 2GB DDR5
            Ram : 8GB DDR4
            SSD : 256GB
            OS : LINUX
            ราคา 23,900 บาท
            HP 14-bp104tx
            untitled-4
            แนะนำรุ่นที่มาพร้อมการ์ดจอ NVDIA GeForce MX150 ไป 2 รุ่นแล้ว มาดูรุ่นที่ใช้การ์ดจอจาก AMD บ้าง อย่าง HP 14-bp104tx มาพร้อมการ์ดจอ AMD RADEON 530 แทนที่ Radeon R7 M445 รุ่นก่อนหน้านี้เอง ความพิเศษที่เหลือของโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้คือ พอร์ตเชื่อมต่อมีมากมาย แม้มีร่างบางเบาที่หนักเพียง 1.46 กิโลกรัม กับบานพับที่แข็งแรงเป็นพิเศษ และราคาที่อยู่ประมาณ 2 หมื่นบาทต้น ๆ เท่านั้น
            สเปก Acer Swift 3 SF314-52G
            Display : 14 นิ้ว TN ความละเอียด HD (1366 × 768)
            CPU : Intel Core i5-8250U
            VGA : AMD RADEON 530 2GB DDR3
            Ram : 4GB DDR4
            SSD : 256GB
            OS : Dos
            ราคา 20,990 บาท
            HP ENVY 13-ad147TX
            untitled-5หาก HP 14-bp104tx ยังแรงไม่พอ ก็อัพเกรดงบอีกระดับ แล้วมาดู HP ENVY 13-ad147TX ที่อาจเรียกได้ว่าเป็น Ultrabook ตัว Top เวอร์ชั่นจับต้องได้จาก HP ก็ว่าได้ โดยหน้าจอและวัสดุ คือระดับ Hi-End อย่างแท้จริง น้ำหนักอยู่ที่ 1.39 กิโลกรัม เบาทีเดียว ส่วนสเปกก็มี Intel Core i5-8250U กับ NVDIA GeForce MX150 แต่ที่พิเศษคือ SSD ขนาด 360GB ส่วนแรมมีขนาด 4GB แบบ DDR3L ซึ่งก็เป็นข้อสังเกตเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อแลกกับราคาที่ถูกลง
            สเปก HP ENVY 13-ad147TX
            Display : 13.3 นิ้ว IPS ความละเอียด Full HD
            CPU : Intel Core i5-8250U
            VGA : NVDIA GeForce MX150 2GB
            Ram : 4GB DDR3L
            SSD : 360GB
            OS : Windows 10 Home
            ราคา 35,400 บาท
            LENOVO ideapad 320S
            untitled-6เรียกว่าเป็นรุ่นที่พัฒนามาสู้กับ Swift 3 ก็ไม่ผิดนัก สำหรับ LENOVO ideapad 320S เป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาอีกตัว ที่มีสเปกทั้งหน้าจอ ซีพียู แรม และการ์ดจอ ครบครันพอ ๆ กับ Swift 3 กันเลย แต่จุดที่แตกต่างคือ น้ำหนักเบากว่าเพียง 1.20 กิโลกรัม และขอบหน้าจอบางกว่า แต่แลกกับราคาที่มากกว่าเล็กน้อย
            สเปก LENOVO ideapad 320S
            Display : 13.3 นิ้ว IPS ความละเอียด Full HD
            CPU : Intel Core i5-8250U
            VGA : NVDIA GeForce MX150 2GB
            Ram : 8GB DDR3L
            SSD : 256GB
            OS : Windows 10 Home
            ราคา 26,490 บาท
            LENOVO Miix 520
            untitled-7
            โน๊ตบุ๊คกึ่งแท็บเล็ตหรือ 2-in-1 เพียงหนึ่งเดียวในนี้ เป็นรุ่นที่่ต่อยอดจาก Miix 510 โดยปรับปรุงจุดด้อยหลาย ๆ อย่างจนออกมาเป็น Miix 520 ต้องบอกเลยว่า “ดีกว่าเดิมเยอะ” อย่างงานประกอบที่ดูแข็งแรงขึ้น หน้าจอรองรับแรงกดของปากกา (Active Pen จาก Wacom) ได้ถึง 4,096 ระดับ สเปกก็อัพเกรดซีพียูใหม่เป็น Intel Gen 8th แล้ว และที่พิเศษคือ กล้องสแกน 3 มิติ กับ ที่สแกนลายนิ้วมือ ส่วนน้ำหนัก ถ้ารวมกับคีย์บอร์ดก็อยู่ที่ 1.25 กิโลกรัม แต่ไม่รวมก็อยู่ที่เพียง 900 กรัมเท่านั้น
            สเปก LENOVO Miix 520
            Display : 13.3 นิ้ว IPS ความละเอียด Full HD
            CPU : Intel Core i5-8250U
            VGA : NVDIA GeForce MX150 2GB
            Ram : 8GB DDR3L
            SSD : 256GB
            OS : Windows 10 Home
            ราคา 35,490 บาท
            DELL Inspiron 13 5370
            untitled-8
            เป็นครั้งแรกที่เห็น โน๊ตบุ๊ครุ่นบางเบาราคาไม่แพงจากแบรนด์นี้ โดยปกติ Dell มักจะทำรุ่นบางเบากับซีรีส์ XPS มากกว่า ซึ่งสวยงามเอาเรื่องทีเดียว ส่วนราคาก็เอาเรื่องเช่นกัน กระทั่งมีโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่จากซีรีส์ Inspiron อย่าง DELL Inspiron 13 5370 รอบนี้มาพร้อมความบางเบาและสเปกคุ้มค่าพอ ๆ กับที่แนะนำมาทั้งหมดเลย และเป็นอีกรุ่นที่มาพร้อมการ์ดจอ AMD Radeon 530 เช่นเดียวกับ HP 14-bp104tx สำหรับน้ำหนักตัวเครื่องก็อยู่ที่ 1.39 กิโลกรัม ถือว่าเบาผิดกับ Inspiron ที่เคยเห็น ๆ กันเลย
            สเปก DELL Inspiron 13 5370
            Display : 13.3 นิ้ว Anti Glare ความละเอียด Full HD
            CPU : Intel Core i5-8250U
            VGA : AMD Radeon 530 2GB GDDR5
            Ram : 4GB DDR4
            SSD : 256GB
            OS : Ubuntu
            ราคา 24,900 บาท
            Level 51 Shizen
            untitled-9
            ขอปิดท้ายด้วยโน๊ตบุ๊ครุ่นพิเศษ ไม่มีใครเหมือนอย่าง Level 51 Shizen เป็นโน๊ตบุ๊คจากแบรนด์คนไทยนี่เอง (อยากรู้ว่าแบรนด์นี้เป็นไง ลองดูรีวิว Level 51 NX นี้เลย หรือดูรายละเอียดได้ที่ level51pc.com) สำหรับเจ้า Shizen นี้ อาจมีราคาแพงสุดในนี้ แต่ก็แลกกับสเปกที่เรียกได้ว่า “โคตรจัดเต็ม” และคุ้มค่าสุดเมื่อเทียบกับ Ultrabook ตัว Top ของแบรนด์อื่นๆ โดยจุดเด่นคือ เลือกสเปกแต่ละอย่างเองได้ตามใจชอบ มาพร้อมซีพียู Intel Core i7-8550U จอ QHD+ กับพอร์ต Thunderbolt 3 เอาไว้ต่อกับ External Graphics เพื่อเปลี่ยนเป็น Desktop เกมมิ่งได้ภายหลัง และสุดท้ายน้ำหนักอยู่ที่ 1.3 กิโลกรัม
            สเปก Level 51 Shizen
            Display : 13.3 นิ้ว Anti Glare ความละเอียด QHD+ (3200×1800) พร้อม High Gamut
            CPU : Intel Core i7-8550U
            VGA : Intel UHD Graphics 620 (เลือกเป็นการ์ดจอ Quadro ก็ได้ แต่ราคาดุเอาเรื่อง)
            Ram : 8GB DDR4-2800 Patriot VIPER
            SSD : 120GB (Corsair Force MP500 NVMe มีโปรแถมฟรีช่วงนี้อยู่)
            OS : Windows 10 Home (ลงโปรแกรมอะไรเรียบร้อย แต่ยังไม่มีคีย์แท้นะ ถ้าเอาก็ + เพิ่ม)
            ราคา 37,680 บาท

            ขอขอบคุณ
            ข้อมูล : www.aripfan.com