วันจันทร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2561

ล้ำไปอีก Samsung เผยสิทธิบัตรใหม่ยืนยันตัวตนผ่าน การไหลเวียนของเลือด

ล้ำไปอีก Samsung เผยสิทธิบัตรใหม่ยืนยันตัวตนผ่าน การไหลเวียนของเลือด

ล้ำไปอีก Samsung เผยสิทธิบัตรใหม่ยืนยันตัวตนผ่าน การไหลเวียนของเลือด

แบไต๋
สนับสนุนเนื้อหา
เรียกว่านับนวัตกรรมของการยืนยันตัวตนบนอุปกรณ์ไอทีนั้นจะสร้างสรรค์และซับซ้อนไปเรื่อยๆ แล้วจริงๆ ตั้งแต่การสแกนลายนิ้วมือ, สแกนใบหน้าหรือสแกนม่านตา ล่าสุดมีการเปิดเผยสิทธิบัตรของ Samsung ที่เผยให้เห็นถึงรูปแบบการยืนยันตัวตนแบบใหม่ที่น่าทึ่งคือการตรวจจับรูปแบบการไหลเวียนโลหิตของผู้ใช้
ทั้งนี้ สิทธิบัตรดังกล่าวนั้นทาง Samsung ยื่นจดไปตั้งแต่เดือนกรกฏกาคม 2016 กับทางสำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าสหรัฐอเมริกา (USPTO) โดยมีใจความสำคัญถึงหลักการยินยันตัวตนนั้นจะใช้เซ็นเซอร์วัดจากการไหลเวียนโลหิตบนนิ้วมือหรือข้อมือทั้งบนสมาร์ทโฟนและสมาร์ทวอทช์ซึ่งแต่ละคนนั้นจะมีรูปแบบการไหลเวียนของเลือดที่แตกต่างกัน
ทั้งนี้ การพยายามคิดค้นรูปแบบการยืนยันตัวตนที่แม่นยำและหลากหลายมากขึ้น ส่วนหนึ่งก็เพื่อรองรับการใช้งาน Samsung Pay บนสมาร์ทว้อทช์ด้วยนั่นเอง ซึ่งอนาคตผู้ใช้อาจมีเพียงนาฬิกาเรือนเดียวก็ทำธุรกรรมจับจ่ายใช้สอยได้สบายแล้ว

13 เทคนิคทำให้เครื่องกลับมาเร็วได้ใน 10 วินาที (เฉพาะIPhoneนะครับ)


13 เทคนิคทำให้เครื่องกลับมาเร็วได้ใน 10 วินาที

13 เทคนิคทำให้เครื่องกลับมาเร็วได้ใน 10 วินาที

iPhone นั้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกมาให้เราใช้กันเป็นเวลาถึง 10 ปีแล้ว นับว่าเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์สำหรับผู้บริโภค ที่ทำชื่อเสียงต่อเนื่องยาวนาน แถมยังมีการอัพเดท iOS และแอพพลิเคชั่นใหม่ ๆ คุณสมบัติการทำงานใหม่ ๆ มาอย่างต่อเนื่อง แต่ในกรณีที่คุณยังใช้เครื่องรุ่นเก่า การทำงานของมันก็จะช้าลง แต่ก็มีเทคนิคที่จะช่วยให้ iPhone รุ่นเก่าของคุณทำงานได้เร็วขึ้นได้เช่นกัน
ก่อนอื่น เราต้องทราบสาเหตุที่ทำให้ iPhone ทำงานช้าลงกันก่อน ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ ก็มีดังนี้ ไม่มีพื้นที่ RAM หรือ Memory เหลือ คุณไม่อัพเดทซอฟต์แวร์ ไปอัพเดทซอฟต์แวร์ตัวที่ยังไม่ดี เปิดทำงานแบคกราวด์แอฟ พื้นที่เก็บข้อมูลหมด อินเทอร์เน็ตไม่ดี และอาจจะมีสาเหตุอื่น ๆ อีก  แต่ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุไหน เทคนิค 13 ข้อนี้ จะช่วยคุณได้
ทำให้ iPhone ทำงานเร็วขึ้นอย่างทันตาเห็นด้วยการเคลียร์ RAM : วิธีการเคลียร์ RAM ก็คือการรีบู๊ทเครื่องนั่นเอง เหมือนกับการรีสตาร์ทเครื่องพีซี จะช่วยให้การทำงานของเครื่องดีขึ้น ให้กดแช่ที่ปุ่ม Power สักประมาณ 2-3 นาที แล้วปล่อย จากนั้นให้สไลด์เพื่อปิด แล้วไปกดที่ปุ่ม Home เพื่อรีบู๊ท
1
ทำให้พื้นที่เก็บข้อมูลว่าง : ราคาของไอโฟนนั้นจะขึ้นอยู่กับพื้นที่เก็บข้อมูล พื้นที่มาก ก็ราคาแพงมาก แต่เมื่อเราใช้พื้นที่ไปจนเต็ม เครื่องก็จะทำงานช้า ให้เข้าไปที่ Setting > General > iPhone Storage จะเห็นข้อมูลการใช้พื้นที่ และให้เลือกเคลียร์ข้อมูลที่ไม่จำเป็นออก
sideload-apps-ios-11
Offload แอพใน iOS11 : iOS 11 นั้นมีระบบการจัดการพื้นที่เก็บข้อมูล ทำให้เราสามารถลบแอพ แต่เก็บข้อมูลสำคัญเอาไว้ได้ และเมื่อจะลงแอพใหม่ข้อมูลก็จะกลับมาด้วย ให้ไปที่ Setting > General > iPhone Storage จะเห็น Offload Unused App
ใช้พื้นที่ฟรี iCloud และ Google Photo : ให้ไปที่ Apple ID ซึ่งอยู่ด้านบนของ Settings เมื่อเข้าไปจะเห็น iCloud ให้เลือก Manage Storage > Chang Storage Plan และซื้อพื้นที่เพิ่ม แต่ถ้าไม่อยากเสียเงิน ก็ให้เชื่อมต่อ iPhone กับคอมพิวเตอร์ ด้วยพอร์ต USB และโอนย้ายข้อมูลไปเก็บในเครื่องคอมพิวเตอร์แทน หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือ Google Photo โดยให้เข้าไปที่ Menu > Free up Spaceจะเป็นการแบคอัพรูปและวีดีโอลงไปใน Google Photo จากนั้นก็ลบรูปและวีดีโอในเครื่องออก
4
Advertisement
ลบแอพที่ไม่ใช้งานออก : แอพที่ไม่จำเป็น ไม่ได้ใช้งาน ลบออกได้ด้วยการกดแช่ที่ไอคอนแอพ จะมีเครื่องหมายกากบาทขึ้นมา ก็ให้กดเพื่อลบออก
a5
ปิดแอพที่ไม่ได้ใช้งาน : บ่อยครั้งที่เราเปิดแอพค้างไว้หลายแอพ ทำให้เครื่องทำงานช้าลง แอพไหนที่ไม่ได้ใช้ ไม่ควรเปิดค้างไว้
a6
ลบ Cookie และข้อมูล Safari : ให้ไปที่ Settings > Safari และเลื่อนลงมาด้านล่างจะเห็น Clean History and Website Data7
ปิดการทำงาน Location service : ไปที่ Settings > Privacy > Location Service ที่ด้านบนจะเห็นปุ่มปิด ซึ่งจะเป็นการปิดปริการและแอพไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งอาจจะไม่ใช้ทางเลือกที่ดีนัก ให้เลื่อนลงด้านล่างจะเห็นรายการแอพ และการแชร์ Location ก็ให้เลือกปิดตามต้องการ8
ปิดการดาวน์โหลดอัตโนมัติ : ไปที่ Settings > iTune & App Store จะเห็นทางเลือก Automatic Downloads ก็ให้ปิดการทำงานไป
ปิดการทำงาน Background Refresh : อาจจะเลือกปิดเฉพาะบางแอพ หรือปิดทั้งหมดก็ได้ โดยไปที่Settings > General > Backgroung App Refresh
10
ลดการแสดงภาพเคลื่อนไหวและเอฟเฟคพิเศษ : ให้ไปที่ Settings > General > Accessibility จะเห็น Increase Contrast ให้เลือกแล้วไปที่ Reduce Transparency นอกจากนี้ ในเมนู Accessibility ยังเลือก Reduce Motion ได้ด้วย
11
Reset เครื่อง : ให้ไปที่ Settings > General > Reset แล้วให้เลือก Erase All Content and Settings แต่ทั้งนี้ ควรจะแบคอัพข้อมูลให้ปลอดภัยก่อน
12
เปลี่ยนเครื่องใหม่ : หากลองวิธีต่าง ๆ มาจนครบทุกขั้นตอนแล้ว เครื่องก็ยังทำงานช้าเกินไป ให้ลองเข้าไปตรวจเช็คที่ศูนย์บริการ เพราะอาจจะมีปัญหาอื่น ๆ ซึ่งอาจจะต้องซ่อม หรือเปลี่ยนเครื่องใหม่แทน
gettyimages-851592528



ขอขอบคุณ
ข้อมูล : fossbytes.com

วันพุธที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2561

iPhone เครื่องแรก มีงบจำกัด เลือกรุ่นไหนดี (อัปเดต 2018) แนะนำโดยทีมงานSanook.com

iPhone เครื่องแรก มีงบจำกัด เลือกรุ่นไหนดี (อัปเดต 2018) แนะนำโดยทีมงาน

iPhone เครื่องแรก มีงบจำกัด เลือกรุ่นไหนดี (อัปเดต 2018) แนะนำโดยทีมงาน

iphonemod
สนับสนุนเนื้อหา
หากใครที่กำลังมองหา  เครื่องแรกแต่มีงบไม่สูงมาก มาชมคำแนะนำจากทีมงานกันก่อนว่าควรเลือกรุ่นไหนดีในช่วงต้นปี 2018 นี้

 งบน้อย – iPhone SE

Iphone Se 1
iPhone SE เป็น iPhone รุ่นจอเล็กที่เปิดตัวและเปิดขายเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา จุดเด่นจะอยู่ที่เป็น iPhone เครื่องเล็กแต่สเปคสูงมาก เทียบเท่ากับ iPhone 6s รุ่นก่อนหน้า
โดย iPhone SE นั้นสามารถถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K ได้ และด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 14,500 บาท ในรุ่น 32GB เป็นราคา iPhone ที่ถูกที่สุดในตอนนี้ ทำให้ iPhone SE เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มใช้ iPhone แต่ยังมีงบไม่สูงมาก

งบกลาง – iPhone 7

iphone-7
หากใครที่มีงบขยับขึ้นมาอีกนิดผมขอแนะนำให้เลือก iPhone 7 ซึ่งเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะจุดเด่นของ iPhone 7 นั้นจะอยู่ที่เป็น iPhone รุ่นแรกที่กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP67 ซึ่งสามารถกันน้ำได้ดีระดับหนึ่งเลยทีเดียว
iPhone 7 นั้นมีขนาดหน้าจอ 4.7 นิ้ว ใหญ่กว่า iPhone SE เล็กน้อย แต่ตัวเครื่องมีขนาดพอดี จับถนัดมือ หน้าจอ 4.7 นิ้ว ใช้จอ Retina HD ช่วยให้การดูเนื้อหาบนจอได้ดีมากขึ้น มากกว่า iPhone SE
แต่ iPhone 7 นั้นจะยังมีข้อจำกัดข้อหนึ่งที่ผู้ใช้หลายคนยังไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่นัก คือการตัดช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ออกไป หากเรามีหูฟังเดิมที่เป็นแบบ 3.5 มม. อยู่แล้วอยากฟังเพลง ก็ต้องเชื่อมต่อผ่านหัวต่อ Lightning ที่แถมมาในกล่องแทน
iPhone 7 เป็น iPhone ในราคากลางๆ เริ่มต้นที่ 22,500 บาท ในรุ่น 32GB ที่พิเศษ คือ มีสีดำด้านและสีดำ Jet Black มาให้เลือกด้วยซึ่งสวยงามมาก ทำให้ iPhone 7 เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีงบปานกลางที่อยากได้ iPhone จอไม่ใหญ่ไม่เล็กมาก เป็น iPhone เครื่องแรก

ชอบจอใหญ่ – iPhone 7 Plus

iphone-7-plus
สำหรับ iPhone จอใหญ่กล้องดีและราคาไม่หนักมากผมขอนำเสนอ iPhone 7 Plus เนื่องจาก iPhone 7 Plus เป็น iPhone รุ่นแรกที่ใช้กล้องหลัง 2 ตัว และมาพร้อมกับฟีเจอร์ Portrait Mode หรือการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอนั่นเอง
หากเปรียบเทียบกันตรงๆ ระหว่าง iPhone 7 Plus กับ iPhone 8 Plus รุ่นล่าสุดของ Apple แน่นอนอยู่แล้วว่า iPhone 8 Plus จะต้องมีสเปคที่ดีกว่า iPhone 7 Plus อย่างแน่นอน แต่ถ้าหากเปรียบเทียบเรื่องรูปแบบการใช้งานในชีวิตประจำวัน ก็ยัังไม่ถือว่าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
iphone-8plus-iphone-7plus-com
iPhone 7 Plus นั้น เป็น iPhone รุ่นเรือธงประจำปี 2016 ที่ผ่านมา เป็น iPhone ที่ขายดีมาก สินค้าหมดตั้งแต่ยังไม่เปิดจำหน่าย และถึงแม้ว่าจะเป็น iPhone รุ่นปี 2016 แต่ก็ยังถือว่าเป็น iPhone ที่มีความทันสมัยอยู่ จะรองรับการอัปเดต iOS เวอร์ชันใหม่ๆ ได้อีกนาน
ราคาของ iPhone 7 Plus นั้นเริ่มต้นที่ 27,500 บาท ในรุ่น 32GB ถูกกว่า iPhone 8 Plus ที่มีราคาเริ่มต้นที่ 32,500 บาท ในรุ่นความจุเริ่มต้น 64GB (ไม่มี 32GB) จะเห็นได้ว่าราคาต่างกันมากๆ ดังนั้นหากใครชอบ iPhone จอใหญ่กล้องหลัง 2 ตัวถ่ายภาพดี และมีงบที่ไม่สูงมาก ผมขอแนะนำ iPhone 7 Plus มาเป็น iPhone เครื่องแรกของคุณ
แนะนำเพิ่มเติมว่าหากใครที่จะซื้อ iPhone 7 Plus หรือรุ่น Plus รุ่นอื่น แนะนำให้เลือกความจุเครื่อง 128GB จะดีที่สุด เนื่องจากขนาดภาพที่ได้จากกล้อง iPhone รุ่น Plus เหล่านี้ มีขนาดไฟล์ที่ค่อนข้างใหญ่ และแอปที่ใช้ในรุ่นดังกล่าวมีให้เลือกดาวน์โหลดมากมาย แนะนำว่าใช้ความจุที่มากจะดีกว่าครับ

ราคาเครื่องเปล่าและโปรโมชันเพิ่มเติม

ข้อมูลทั้งหมดนี้เป็นคำแนะนำสำหรับประกอบการตัดสินใจในการซื้อ iPhone เครื่องแรกแต่มีงบจำกัดโดยผม มดเต้นท์ (Mod-T) โดยราคาที่นำมานำเสนอนั้น เป็นราคาเครื่องเปล่าจาก Apple Store Online ประเทศไทย หากใครอยากทราบราคาเครื่องติดโปรโมชันล่าสุด สามารถชมได้ที่นี่
ส่วนใครอยากได้ iPhone SE, iPhone 7, iPhone 7 Plus เครื่องเปล่าราคาพิเศษ พร้อมโปรโมชัน ของแถม สิทธิพิเศษต่างๆ มากมาย สามารถเข้าสอบถามรายละเอียดและเลือกซื้อได้ที่ Studio7 , BaNANA ได้เลยใกล้บ้านคุณ

วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2561

‘ไอโบะ’ หุ่นยนต์สุนัขตัวเดิม เพิ่มเติมคือความอัจฉริยะ

‘ไอโบะ’ หุ่นยนต์สุนัขตัวเดิม เพิ่มเติมคือความอัจฉริยะญี่ปุ่นฉลองปีหมาด้วยหุ่นยนต์สุนัขอัจฉริยะที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ด้วย เจ้าของสามารถเล่นทางไกลผ่านทางสมาร์ทโฟนได้ และเจ้าหมาน้อยยังสามารถเรียนรู้และสร้างลักษณะเฉพาะของตนเองได้จากการพบปะผู้คน
โซนีเผยหุ่นยนต์สุนัขที่ทุกคนคุ้นเคย “ไอโบะ” ออกมาเมื่อไม่นานนี้ แม้จะคุ้นเคยกับหน้าตาอยู่แล้ว แต่เจ้าหุ่นยนต์สุนัขตัวใหม่มาพร้อมกับความอัจฉริยะมากมายเพื่อต้อนรับปีจอ โดยไอโบะเปิดตัวกลางกรุงโตเกียวใน “พิธีงานวันเกิด” ที่เจ้าหมานอนหลับใหลอยู่ในกล่องดักแด้ ก่อนจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา และ นาโอฮิโระ ซูกิโตโม เด็กชายวัย 7 ปีจากกรุงโตเกียวเป็นคนแรกที่ได้สัมผัสของเล่นใหม่นี้ ซูกิโตโมบอกว่า มัน “หนักแต่น่ารัก” และบอกว่า “เราเพิ่งเสียหมาที่บ้านไป เราเลยซื้อหุ่นยนต์หมาแทนเพราะเราต้องการครอบครัว (คนใหม่)”
หุ่นยนต์หมาน้อย “ไอโบะ” สูง 30 เซนติเมตร มีหูที่สามารถพับได้ และตาที่เปล่งแสงออกมาเพื่อแสดงให้เห็นอารมณ์ที่หลากหลาย นอกจากนี้ ยังมีเซ็นเซอร์ กล้อง และไมโครโฟนรวมถึงสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้อีกด้วย โดยเจ้าของหุ่นยนต์หมาน้อยสามารถเล่นกับสัตว์เลี้ยงได้แบบทางไกลผ่านทางสมาร์ทโฟน และยังสอนกลเม็ดเล็กๆ ให้หุ่นยนต์ผู้ซื่อสัตย์รู้จักต้อนรับเจ้านายเมื่อกลับถึงบ้านได้อีกด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น หุ่นยนต์สุนัขตัวนี้ยังฉลาดถึงขึ้นที่สามารถสร้าง “ลักษณะเฉพาะ” ของมันเองผ่านการพบปะผู้คน และแม้อาจจะไม่เป็นมิตรตลอดเวลา แต่มั่นใจได้ว่า ไอโบะจะปฏิบัติตัวน่ารักกับคนที่เป็นมิตรกับมัน นอกจากนี้ กล้องที่ติดตั้งอยู่ในตัวยังสามารถถ่ายและแชร์ภาพอวดคนอื่นๆ ได้ด้วย ซึ่งหากใครต้องการรับเจ้าสุนัขไปเลี้ยงเป็นเพื่อนก็จะต้องจ่ายเกือบ 3,000 เหรียญสหรัฐฯ (96,000 บาท) สำหรับแพ็กเกจนาน 3 ปี ที่รวมการบริการด้านซอฟต์แวร์อย่างการเก็บข้อมูลไว้ในแพ็กเกจแล้ว

เรียกว่าน่าซื้อ! Nokia 6 รุ่น 2 มาแล้ว มาพร้อมขุมพลังใหม่ Snapdragon 630 ราคาไม่ถึงหมื่น

Nokia 6 รุ่น 2 มาแล้ว มาพร้อมขุมพลังใหม่ Snapdragon 630 ในราคาจับต้องได้สมาร์ทโฟนรุ่น Nokia 6 หรือ Nokia 6 (เวอร์ชั่นปี 2018) ใช้หน้าจอแบบ IPS ขนาด 5.5 นิ้ว อัตราส่วนหน้าจอ 16: 9 ความละเอียดแบบ Full HD ใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 630 กับ CPU octa-core ความเร็ว 2.2 กิกะเฮิร์ตซ์ และ RAM ขนาด 4 กิกะไบต์ หน้าจอได้รับการป้องกันด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 3

Nokia 6 รุ่น 2 มาแล้ว มาพร้อมขุมพลังใหม่ Snapdragon 630 ในราคาจับต้องได้
Nokia 6 รุ่น 2 มาแล้ว มาพร้อมขุมพลังใหม่ Snapdragon 630 ในราคาจับต้องได้
ระบบปฏิบัติการยังคงเป็น Android 7.1 Nougat แต่ทาง HMD ได้รับรองมาเเล้วว่าจะนำ Nokia 6 รุ่นใหม่นี้จะได้ใช้ Oreo 8.0 ในไม่ช้านี้อย่างแน่นอน
สมาร์ทโฟนรุ่นนี้เปลี่ยนมาใช้พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB-C สำหรับการเชื่อมต่อข้อมูลและใช้ชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่งมีความจุ 3,000 mAh ใช้กล้องเสปคเดียวกับรุ่นก่อนความละเอียดกล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล ขนาดของเซลล์รับแสง 1.0um รูรับแสงขนาด F / 2.0 และกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ขนาดของเซลล์รับแสง 1.12um และรูรับแสงขนาด F/2.2
Nokia 6 รุ่น 2 มาแล้ว มาพร้อมขุมพลังใหม่ Snapdragon 630 ในราคาจับต้องได้
มีช่องสำหรับเสียบ microSD card ที่ช่วยขยายพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่มีอยู่ให้มากขึ้น ความจุของเครื่องขนาด 32 และ 64 กิกะไบต์ ขึ้นอยู่กับรุ่นที่ซื้อ มีลำโพงเพียงตัวเดียวบนตัวเครื่อง และยังมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
Nokia 6 รุ่น 2 มาแล้ว มาพร้อมขุมพลังใหม่ Snapdragon 630 ในราคาจับต้องได้
การเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุดของ Nokia 6 (2018) คือการย้ายระบบเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner) ไปไว้ด้านหลังเพื่อช่วยลดขนาดตัวเครื่อง  โดยมิติตัวเครื่อง 148.8 x 75.8 x 8.15 มิลลิเมตร (หนา 8.6 มิลลิเมตรที่กล้อง) ซึ่งตัวเครื่องสั้นกว่า Nokia 6 เวอร์ชั่นแรก 5 มิลลิเมตร
คุณสมบัติ Nokia 6 (2018)
  • Display :  5.5 inch Full HD

  • CPU :  Snapdragon 630

  • RAM : 4GB

  • Storage : 32GB / 64GB (up to 128GB with MicroSD card)

  • OS : Android Nougat 7.1  (จะได้รับการอัพเดทเป็น Oreo 8.0)

  • Camera :

    • Primary camera : 16MP, f/2.0

    • Front-facing camera : 8MP, f/2.2

  • Battery : 3,000mAh (ชาร์จผ่านช่อง USB Type-C)

  • Input/output : USB-C

  • Fingerprint sensor
  • Dimensions : 148.8 x 75.8 x 8.15 mm
Nokia 6 มีให้เลือกอยู่สองสีคือสีดำและสีเงิน สำหรับราคาในรุ่น 32GB อยู่ที่ 1,499 หยวน (ประมาณ 7,448 บาท) และรุ่น 64GB ในราคา 1,699 หยวน (ประมาณ 8,442 บาท) คาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายเร็วๆ นี้

ที่มา : https://news.thaiware.com/12234.html www.gsmarena.com

เอางั้นเลยหรอ ! ผู้บริหาร Huawei เผย กล้องสมาร์ทโฟนเรือธงใหม่ อาจจะซูมได้คล้ายกล้อง DSLR

ผู้บริหาร Huawei เผย กล้องสมาร์ทโฟนเรือธงใหม่  อาจจะซูมได้คล้ายกล้อง DSLRล่าสุดภายในงาน CES 2018 ทางเว็บไซต์ Android Authority ได้สัมภาษณ์กับคุณ Richard Yu ผู้บริหาร (CBG CEO) บริษัทหัวเว่ย หลังการเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงตัวล่าสุด Huawei Mate 10 Pro ในประเทศสหรัฐอเมริกา
โดยสาระสำคัญจากการสัมภาษณ์นั้น คุณ Yu ได้บอกว่า เทคโนโลยีกล้อง และ AI เป็นโอกาสและสนามต่อสู้ของผู้ผลิตสมาร์ทโฟนในตอนนี้ ซึ่งเขามีความตั้งใจจะนำในเรื่องของทางยาวโฟกัส (Focal Length) และการซูม (Zoom) จากกล้อง DSLR มาไว้บนกล้องสมาร์ทโฟน
จุดอ่อนของกล้องสมาร์ทโฟนก็คือระยะเลนส์ที่มีอยู่จำกัด ซึ่งในตลาดมือถือตอนนี้ ได้นำเทคโนโลยีเลนส์คู่ มาเพิ่มทางเลือกของทางยาวโฟกัสกล้องให้กับผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะเป็นเลนส์ที่กว้างขึ้น หรือซูมได้ไกลขึ้น แต่สำหรับสมาร์ทโฟนกล้องคู่ Leica ของหัวเว่ย เป็นการใช้เลนส์คู่แบบ RGB และ Monochrome เพื่อผสมผสานภาพให้มีมิติมากขึ้น และใช้การซูมแบบ 2X Hybrid แทน ซึ่งการนำเทคโนโลยีทางยาวโฟกัสและการซูมจากกล้อง DSLR มาไว้ในมือถือหัวเว่ยในอนาคตนี้ จะเป็นรูปแบบการเพิ่มเลนส์ขึ้นมา หรือติดตั้งเลนส์ซูมแบบ Optical เหมือนอย่าง Galaxy K Zoom หรือเปล่า? ก็ต้องรอติดตามชมกันครับ

(จะ) ผิดกฎหมาย! เกาหลีใต้เตรียมเสนอออกกฎหมายแบนเงินสกุลดิจิทัล รวมทั้งบิทคอยน์

(จะ) ผิดกฎหมาย! เกาหลีใต้เตรียมเสนอออกกฎหมายแบนเงินสกุลดิจิทัล รวมทั้งบิทคอยน์การซื้อขายบิทคอยน์อาจกลายเป็นเรื่องผิดกฎหมายในประเทศเกาหลีใต้ เมื่อปาร์ค ซัง-กิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมของเกาหลีใต้ออกมาระบุว่า รัฐบาลเกาหลีใต้เตรียมเสนอร่างกฎหมายแบนการซื้อขายเงินสกุลดิจิทัลทุกชนิด ซึ่งรวมถึงบิทคอยน์ด้วย
"มีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับเงินสกุลเหล่านี้" นายปาร์คระบุกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันพฤหัสบดี "รัฐบาลได้ออกคำเตือนหลายครั้งเกี่ยวกับข้อเท็จจริงว่าการซื้อขายเงินดิจิทัลเป็นธุรกรรมที่อันตราย แต่ข้อความดังกล่าวกลับไม่ถูกส่งไปถึงอย่างเหมาะสม"
นายปาร์คไม่ได้ระบุว่าร่างกฎหมายจะถูกเสนอต่อรัฐสภาเมื่อใด แต่ความเห็นของเขาทำให้ราคาบิทคอยน์ตกดิ่งลง โดยราคาตกลงไปถึง 14% ก่อนจะดีดตัวขึ้นมาได้อีกครั้งในตลาดเอเชีย
ขณะเดียวกัน เงินดิจิทัลสกุล "อีเทอร์เรียม" ซึ่งได้รับความนิยมในเกาหลีใต้อีกสกุลหนึ่ง ก็มีราคาตกลงกว่า 14% เช่นกัน
ความคึกคักในการซื้อขายเงินสกุลดิจิทัลแพร่หลายไปทั่วเกาหลีใต้เมื่อปีที่แล้ว ส่งผลให้เกิดกำไรมหาศาลในบิตคอยน์และเงินสกุลดิจิทัลอื่นๆ ว่ากันว่ามูลค่าการค้าบิตคอยน์ในเกาหลีใต้ถือเป็นหนึ่งในห้าของทั้งโลกในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเลยทีเดียว แต่ในทางกลับกัน รัฐบาลเกาหลีใต้กลับเดินหน้าเพิ่มความเข้มงวดในการกำกับดูแลเงินสกุลดิจิทัลในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตั้งแต่การออกกฎหมายช่วงปลายเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐในการปิดตลาดซื้อขายบิทคอยน์ได้ นอกจากนี้ นายปาร์คยังเปรียบเทียบการค้าบิทคอยน์ว่าเหมือนการเก็งกำไรและการพนัน รวมทั้งระบุว่า ฟองสบู่อาจจะระเบิดได้ทุกเมื่อ
มีรายงานว่าตลาดซื้อขายเงินดิจิทัลกำลังถูกจับตาจากรัฐบาลเกาหลีใต้ โดย Bithumb ตลาดซื้อขายเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลกเผยว่าถูกเจ้าหน้าที่สรรพากรเข้าพบ ขณะที่ Coinone ตลาดซื้อขายในรูปแบบเดียวกัน ก็ถูกตำรวจเกาหลีใต้ระบุว่าอยู่ระหว่างการสอบสวนว่าอาจมีการอำนวยความสะดวกให้เกิดการพนันผิดกฎหมายผ่านเงินสกุลดิจิทัลด้วย
ขณะที่ประเทศอื่นๆ ก็มีความเคลื่อนไหว เช่นจีน ที่มีการออกระเบียบกำกับบิทคอยน์เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งมีส่วนทำให้ตลาดซื้อขายยักษ์ใหญ่ในประเทศหยุดซื้อขายบิทคอยน์และทำให้ราคาตกลงอย่างหนัก

ที่มา : https://news.thaiware.com/12309.html money.cnn.com

มีปัญหาก็บล็อกไป! Google Photos บล็อกการวิเคราะห์ภาพไม่ให้จัดประเภทเป็นลิง

มีปัญหาก็บล็อกไป! Google Photos บล็อกการวิเคราะห์ภาพไม่ให้จัดประเภทเป็นลิง
ย้อนกลับไปในปี 2015 วิศวกรซอฟต์แวร์รายหนึ่งระบุว่าอัลกอริทึมวิเคราะห์ภาพถ่ายใน Google Photos ได้จัดประเภทให้เพื่อนของเขาที่มีผิวสีอยู่ในประเภท "กอริลล่า" และหลังเกิดเหตุดังกล่าวกูเกิลออกมาแสดงความตกใจ ขอโทษไปยังผู้โพสต์ และสัญญาว่าจะแก้ไขปัญหาดังกล่าว
แต่ผ่านมาเกือบสามปี รายงานจากเว็บไซต์ Wired ระบุว่ากูเกิลไม่ได้แก้ปัญหานี้แบบจริงจังเลย แต่ใช้วิธีง่ายๆ เพียงแค่บล็อกอัลกอริทึมไม่ให้วิเคราะห์ภาพถ่ายกอริลล่าทั้งหมดไปเลย ซึ่งเป็นการจำกัดการทำงานแทนที่จะแก้ปัญหาการจัดผิดประเภท
เว็บไซต์ Wired รายงานว่าได้ลองทำการทดสอบอัลกอริทึมดังกล่าวหลายครั้ง โดยลองอัพโหลดรูปภาพของสัตว์กลุ่มไพรเมต (ลิง) เป็นหมื่นๆ ภาพ ซึ่งอัลกอริทึมสามารถวิเคราะห์รูปลิงบาบูน, ชะนี และลิงเล็กได้ถูกต้อง แต่ไม่สามารถวิเคราะห์ภาพลิงกอริลล่าและชิมแปนซีได้ นอกจากนี้ยังมีการระบุว่า Google จำกัดการทำงานของปัญญาประดิษฐ์ในการวิเคราะห์ภาพที่อาจจะสุ่มเสี่ยงอื่นๆ อาทิ หากเราพิมพ์ว่า "black man" หรือ "black woman" ระบบจะหาภาพชายและหญิงที่เป็นภาพขาวดำเท่านั้น โดยแยกตามเพศ แต่ไม่แยกตามเชื้อชาติแต่อย่างใด
ซึ่งโฆษกของกูเกิลยืนยันว่าการจัดประเภทของ "กอริลล่า, ชิมแปนซี, ลิง" ถูกบล็อกจากการวิเคราะห์ของ Google Photos จริงตั้งแต่เกิดเหตุในปี 2015 แต่ยังคงใช้งานได้บนบริการอื่นๆ ของกูเกิล อาทิ Cloud Vision API และ Google Assistant "เทคโนโลยีการจัดประเภทภาพยังคงใหม่อยู่และโชคไม่ดีที่ยังไม่มีจุดใดที่ใกล้เคียงคำว่าสมบูรณ์แบบ" เขาระบุ
นับเป็นเรื่องแปลกที่กูเกิล ซึ่งเป็นบริษัทที่ดู "มาก่อนกาล" ด้านปัญญาประดิษฐ์เชิงพาณิชย์ จะไม่สามารถหาทางแก้ปัญหาที่สมบูรณ์กว่านี้ได้แต่นี่ก็เป็นข้อเตือนใจที่ดีว่าการฝึกฝนปัญญาประดิษฐ์ให้ทำงานได้อย่างถูกต้องเป็นเรื่องที่ยากเพียงใด โดยเฉพาะเมื่อซอฟต์แวร์ไม่ได้ถูกฝึกฝนและทดสอบโดยกลุ่มคนที่หลากหลายมากเพียงพอ
ยังไม่ชัดเจนว่า Google Photos เลือกจำกัดการทำงานของอัลกอริทึมนี้เพราะไม่สามารถแก้ปัญหาได้, ไม่ต้องการทุ่มทรัพยากรเพื่อแก้ปัญหา หรืออาจจะเกิดจากความระมัดระวังมากเกินไป แต่นี่แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมของซิลิคอนวัลเลย์ซึ่งมักเน้นการสร้างอัลกอริทึมระดับโลก มากกว่าการแก้ไขปัญหาที่รวดเร็ว